เครื่องปั้นดินเผาเกาะเกร็ด
ประวัติความเป็นมา
การทำเครื่องปั้นดินเผาเกาะเก็ด ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี สืบทอดมาจากบรรพบุรุษชนชาติมอญที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย สันนิษฐานว่าคงจะมีอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผามาตั้งแต่อยู่เมืองมอญก่อนที่จะอพยพเข้ามาในประเทศไทยซึ่งมีความชำนาญในด้านนี้โดยเฉพาะ เมื่อชาวมอญได้รับพระบรมราชานุญาต ตั้งบ้านเรือนบริเวณปากเกร็ด และพื้นที่ดังกล่าวมีสภาพดินเหมาะสมคือ ดินมีความเหนียวดี สีนวลหรือปนเหลืองไม่ดำเกินไป เนื้อดินจับกันเป็นก้อน ไม่ร่วนซุยเป็นดินที่พบได้บริเวณเกาะเกร็ด ซึ่งเครื่องปั้นดินเผาที่มีชื่อเสียง คือ หม้อน้ำลายวิจิตรซึ่งทำขึ้นเพื่อถวายพระสงฆ์ และเป็นของกำนัลให้แก่ผู้ใหญ่ ทางราชการจึงถือเอาหม้อน้ำลายวิจิตร เป็นตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดนนทบุรี นอกจากนี้ยังมีรูปทรงอื่นๆ อีกมากมาย เช่น โอ่ง อ่าง ครก กระปุก โอ่งพลู เป็นต้น หรือมีการพัฒนารูปแบบใหม่ๆ เช่น โคมไฟดินเผาแกะสลัก นาฬิกาดินเผาแกะลาย โคมเทียน เป็นต้น
เครื่องปั้นดินเผาเกาะเกร็ด เกือบจะสูญหายไปเนื่องจากปัญหาน้ำท่วม ในราวปี พ.ศ.2539 ชาวบ้านได้รวมตัวขึ้นอีกครั้งเพื่อรักษาภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ประกอบกับในขณะนั้นนักท่องเที่ยวได้เข้ามาท่องเที่ยวบริเวณเกาะเกร็ด จึงทำให้เครื่องปั้นดินเผาเกาะเกร็ดได้รับความนิยมขึ้นอีกครั้ง และในปัจจุบันเครื่องปั้นดินเผาเกาะเกร็ดได้พัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัยซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์มีมูลค่าเพิ่ม เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น
ลักษณะที่โดดเด่นของเครื่องปั้นดินเผาเกาะเกร็ด คือ มีเนื้อแดงส้ม ใช้เนื้อดินเหนียวธรรมชาติปั้นและเผาโดยไม่มีการเคลือบน้ำยา มีสีสันสวยงามตามธรรมชาติ ขอบปากของภาชนะเครื่องปั้นดินเผาจะกลมกลึงราวกับกระบอกไม้ไผ่ผ่า และบรรจงประดิษฐ์ลวดลายที่ละเอียดสวยงามลงในเนื้อดินขณะที่ยังไม่แข็งตัว แล้วจึงนำดินไปเผา
วัตถุดิบในการผลิต
๑. ดินเหนียวธรรมชาติ (เดิมหาได้จากบริเวณเกาะเกร็ด)
๒. น้ำ
๓. เครื่องโม่ดิน
๔. จอบ,เสียมหรือพลั่ว
๕. ตระแกรงร่อนดิน
๖. แป้นหมุน
๗. อุปกรณ์ในการแกะลวดลาย
นำดินเหนียวธรรมชาติมาซอย (เซี้ยมในให้เป็นแผ่นบาง หมักน้ำโดยประมาณไว้ก่อน) แล้วจึงนำดินมาเข้าเครื่องโม่ (สมัยโบราณใช้วิธีเหยียบและนวดก่อนนำมาปั้น)
เมื่อได้ดินจากการโม่แล้ว จึงนำมาขึ้นรูปด้วยแป้นหมุน ตามแบบและขนาดของเครื่องปั้นที่ต้องการตามรูปต่างๆ เช่น กระปุก หม้อ คนโฑ ขันน้ำพานรอง จนปัจจุบันดัดแปลงมาเป็นโคมสำหรับใช้กับหลอดไฟฟ้า (เพื่อเข้ากับสมัยและยุคปัจจุบันพร้อมทั้งให้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น) นำผลิตภัณฑ์ที่ปั้นแล้วออกผึ่งแดด ผึ่งลม พอความแข็งตัวของเนื้อดินจับยกได้ โดยไม่ทำให้เสียรูปทรง จึงนำขึ้นแป้นขูดแต่งอีกครั้ง เพื่อให้ได้รูปทรงและความหนาบางของเนื้อดินตามแบบและความต้องการจนเสร็จ จากนั้นจะผึ่งไว้จนเนื้อดินมีความแข็งตัวพอที่จะขัด หรือขูดแต่งให้เรียบร้อยสวยงามอีกครั้งแล้วจึงนำไปเข้าเตาเผา
ตั้งแต่เริ่มต้นจนผลิตภัณฑ์เผาเสร็จ เป็นการจบกระบวนการผลิตใช้เวลาอย่างน้อย 10-15 วัน (ถ้าเป็นการแกะสลักลายที่มีความละเอียดมากๆ ต้องใช้เวลาแกะสลัก 2-3 วัน/ชิ้นงาน)
การแกะสลักลวดลาย
ลายที่แกะสำหรับตกแต่งเครื่องปั้นมี 3 ประเภท ตามลักษณะของวิธีการแต่งลาย คือ
1.ลายที่เกิดจากการขีดหรือสลัก
2. ลายที่เกิดจากการฉลุลายโปร่ง
3. ลายที่เกิดจากการกดให้เนื้อดินนูนขึ้น หรือต่ำลงตามแบบของลาย
เทคนิคการผลิต
ดินที่ใช้เป็นดินเหนียวธรรมชาติ ที่มีสิ่งเจือปนต่างๆน้อยมาก การเตรียมดินจะทำอย่างพิถีพิถันโดยผ่านกระบวนการ ต่างๆ จนได้เนื้อดินที่สมบูรณ์เหมาะแก่การนำไปปั้นเพื่อให้รูปทรงเครื่องปั้นเรียบสวยงาม
การเผานั้น ใช้อุณหภูมิที่
http://www.otoptoday.com/wisdom/provinces/center/%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5/1310022341
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น